สิ่งแรกที่คนจะสังเกตเห็นเมื่อเดินเข้าห้องพักในโรงแรมคือผ้าปูสีขาวที่อยู่บนเตียง ดังนั้นการเลือกผ้าปูที่นอนที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าที่เข้ามาพักในโรงแรมนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากมันสามารถสร้างความแตกต่างระหว่างโรงแรมได้เลย ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้จากบางโรงแรมนั้นลงมือผลิตผ้าปูที่นอนเป็นของตัวเอง อาทิ เครือ Wyndham, เครือ Sheraton เป็นต้น ซึ่งแบรนด์เหล่านี้ก็ให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ด้วย
และสำหรับวิธีการเลือกผ้าปูที่นอนสำหรับโรงแรมทั่วไป มีดังนี้
Thread count
วิธีการเลือกผ้าปูที่นอนสำหรับโรงแรมอย่างแรกให้ดูที่จำนวนเส้นด้ายที่ทอต่อพื้นที่คือสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงเมื่อพูดถึงคุณภาพ ยิ่งมีจำนวนเส้นด้ายที่ทอมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ลูกค้านอนสบายมากขึ้นเท่านั้น โดยสำหรับจำนวนเส้นด้ายแต่ละระดับ ก็จะมีความเหมาะสมสำหรับโรงแรม หรือธุรกิจแตกต่างกันไปดังนี้
120-170 เส้น: เป็นผ้าปูแบบบาง เพื่อการใช้งานพื้นฐานทั่วไปแบบที่มักจะพบในโรงพยาบาล
200 เส้น: เป็นผ้าฝ้ายที่เย็นและเบาที่ส่วนใหญ่จะใช้ในช่วงฤดูร้อน พบได้ในหลายโรงแรมที่ต้องการคือผ้าปูที่นอนที่สบายและเนี้ยบ โดยมีราคาไม่สูง
400 เส้น: ความนุ่มนวลที่มากขึ้นซึ่งเป็นที่ชื่นชอบเนื่องจากให้ความรู้สึกเย็นและให้ความทนทาน โดยมีการใช้อย่างแพร่หลายในเครือข่ายโรงแรมรายใหญ่ๆ ทั่วโลก
600 เส้น: และนี่คือจุดเริ่มต้นของคุณภาพที่สูงและโดดเด่น ซึ่งมีจากการใช้เทคโนโลยีอัดอากาศในกระบวนการทอผ้า มันเป็นผ้าที่สวยเงางาม สม่ำเสมอ นุ่มและเรียบมาก
800-1000 เส้น: สุดยอดความหรูหราและความสบายประกอบกับความประกายเงางามที่มากยิ่งขึ้นและเนื้อผ้าที่แน่นกว่า
เนื้อผ้าที่เหมาะสม
การเลือกเนื้อผ้าที่เหมาะสมเป็นวิธีการเลือกผ้าปูที่นอนสำหรับโรงแรมถัดไปที่จะต้องคำนึงถึง ซึ่งมันจะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลรวมไปถึงรูปแบบที่ต้องการของห้องพักโรงแรม
ผ้าเพอร์เคล (Percale) เป็นผ้าทอละเอียดทำจากเส้นด้ายคอม โดยทั่วไปจะพบได้เฉพาะในผ้าที่มีจำนวนเส้นด้ายที่ทอต่อพื้นที่สูงซึ่งจะทำให้ผ้ามีความนุ่มนวลให้ความรู้สึกเหมือนผ้าไหม ผ้าเพอร์เคลให้ความแข็งแรงต่อผ้าซึ่งหมายความว่าจะมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าแม้ผ่านการซักหลายครั้ง - เหมาะสำหรับการใช้งานของโรงแรม
ผ้าซาติน (Satin) เป็นผ้าที่มีโครงสร้างการทอที่บนพื้นผิวด้านบนจะมีจำนวนเส้นด้ายที่ทอต่อพื้นที่มากกว่าผ้าชนิดอื่นๆ ทำให้ดูนุ่มขึ้นและเงางามจากซาติน ผ้าฝ้ายซาตินมีแนวโน้มที่จะอ่อนนุ่มกว่าผ้าทอเพอร์เคล แต่แล้วก็เป็นเรื่องของความชอบส่วนตัวว่าควรจะเลือกอันไหน
และวิธีการเลือกผ้าปูที่นอนสำหรับโรงแรมถัดไปคือวิธีการทอของผ้า ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ
แบบที่ 1 ทอแบบลายขัด (Plain) เนื้อผ้าที่ได้จะไม่ขึ้นเงาแต่จะเป็นการทอแบบแน่น เพราะฉะนั้นข้อดีของลายขัดคือความแข็งแรงคงทน ใช้ได้เป็นระยะเวลานาน ข้อเสียคือ เนื้อผ้าจะไม่นุ่มเท่าการทอแบบซาติน ดังที่เราจะกล่าวต่อไป
แบบที่ 2 ทอแบบขึ้นเงา (Satin /Sateen) เนื้อผ้าที่ได้จะขึ้นเงา เนื้อจากแป็นการทอที่ทำให้เส้นด้ายมีเนื้อที่ในการตกกระทบของแสงมากกว่าแบบแรก จึงทำให้เห็นเนื้อผ้าขึ้นเป็นเงา ข้อดีของการทอแบบขึ้นเงาคือ เนื้อผ้าที่ได้จะนุ่ม ลื่น ข้อเสียก็คือ ความที่เส้นด้ายมีเนื้อที่มากขึ้นในการกระทบกับแสง จึงทำให้ในการซักล้าง ทำความสะอาด เส้นด้ายดังกล่าวจะกระทบโดยตรงกับน้ำยาซักล้าง และ การขัด การถู และการปั่น จึงทำให้อายุการใช้งานและความคงทนสั้นลง
นอกจากวิธีการเลือกผ้าปูที่นอนสำหรับโรงแรมแล้ว ก็ขอเสริมในส่วนของผ้าเช็ดตัว หรือผ้าขนหนู ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการสร้างประสบการณ์ที่หรูหราให้แขกของโรงแรม และโดยสามารถเลือกผ้าขนหนูเบื้องต้นได้จาก
น้ำหนักผ้าขนหนู
ซึ่งวัดโดยหน่วยเป็นกรัมต่อตารางเมตร (GSM) โดยยิ่ง GMS มาก เนื้อผ้าก็จะมีความหนาและหนักมาก ผ้าที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 500 กรัมต่อตารางเมตรก็จะมีความเบาบางซึ่งเหมาะสำหรับเดือนที่มีอากาศอุ่นหรือสำหรับกิจกรรมสระว่ายน้ำต่างๆ หากคุณกำลังมองหาผ้าขนหนูที่หนานุ่มและหรูหราสำหรับห้องพักของโรงแรม ชนิดที่เป็นที่แนะนำให้ใช้คือผ้าที่มีน้ำหนักที่มากกว่า 500 กรัมต่อตารางเมตรเพื่อการดูดซับและความสบายที่มากที่สุด
หากสนใจสินค้าจากทางบริษัทฯ สามารถติดต่อได้ทาง
เบอร์โทร : 02-514-3263
Line : @paspand
Comments